5 กุมภาพันธ์ 2558

วันเกษียณ

วันปลดเกษียณ
เมื่อถึงวันฉันปลดเกษียณ             
          วันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา เป็นวันสุดท้ายของการทำงานมาครบอายุ 60 ปี ของข้าราชการในกระทรวง ทบวงกรมต่าง ๆ ถือว่าเป็นวันสิ้นสุดของอาชีพข้าราชการที่ได้ทุ่มเทชีวิต ความรู้ ความสามารถให้กับหน่วยงานของตนเองที่ตนสังกัดอยู่ ต่อจากนั้นวันถัดไปจึงเป็นวันที่ผู้ปลดเกษียณแล้วจะต้องดำเนินชีวิตด้วยตนเอง ไม่มีลูกน้องบริวารแห่แหนห้อมล้อมมากมายเสมือนสมัยก่อน จึงกลายเป็นชีวิตที่โดดเดี่ยว อ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว เดียวดายไร้ผู้คนมากหน้าหลายตา ดังนั้น เมื่อหลังปลดเกษียณไปแล้วควรจะทำอย่างไรดีจึงจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่เป็นสุข?
                การเข้าไปทำหน้าที่รับราชการในช่วงเวลาอันเนิ่นนานเช่นนี้คงมิใช่เรื่องที่ง่ายนักที่ผู้คนทั่วไปจะเข้าใจและมองเห็นถึงการทุ่มเทในการทำงาน บางคนต้องตื่นนอนแต่เช้าออกไปทำงานกว่าจะกลับเข้าสู่บ้านก็มืดค่ำจนเวลาให้สำหรับครอบครัวแทบไม่มีเลยทีเดียว บางคนก็มองว่าเป็นข้าราชการทำงานอืดอาด ยืดยาด เช้าชามเย็นชาม วัน ๆ ก็สัพเพเหระเช้าก็เข้าเซ็นหนังสือลงทำงาน บ่ายก็เซ็นหนังสือกลับบ้าน ส่วนกลางวันจะไปทำอะไรก็เป็นเรื่องของแต่ละคนไป นั่นเป็นความรู้สึกของบางส่วนที่เกิดขึ้นกับข้าราชการบางหน่วย แต่ถ้ามองไปถึงชีวิตของความเป็นจริงแล้วข้าราชการถือว่าเป็นผู้ทำหน้าที่ให้กับแผ่นดินอย่างสูงสุดและเป็นเกียรติสูงสุดในอาชีพหน้าที่การงานถึงแม้ว่าเงินเดือนหรือค่าตอบแทนจะไม่ได้มากมายนักก็ตาม แต่เกียรติและความภาคภูมิใจถือว่าเป็นสุดยอดของความปรารถนาของผู้เข้ารับราชการ
          การทำงานให้กับสังคมและส่วนรวมคงมิใช่เรื่องง่ายอย่างหลาย ๆ คนคิดเอาไว้วันที่ 30 กันยายนมาถึงก็หมายถึงว่าข้าราชการชั้นผู้น้อยรวมถึงข้าราชการรุ่นน้องหรือรุ่นลูก ๆ หลาน ๆ จะต้องไม่ได้พบเห็นหน้าตาของผู้อาวุโสในหน่วยงาน ความรู้สึกที่อบอุ่นที่ผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้อาวุโสอยู่ดูแลอย่างใกล้ชิดก็จะไม่มีอีกแล้วผู้ที่เราเคยให้ความเคารพ บูชาเปรียบเสมือนคุณพ่อ คุณแม่ ของเราก็จะไม่มีอีกแล้ว คงถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตและธรรมชาติที่สร้างเสริมเติมแต่งขึ้นมาในโลกนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเริ่มเกิดขึ้นในเบื้องต้น แปรปรวนในท่ามกลางและสูญสลายไปในที่สุดนี่คือสัจธรรมของโลกเรา นี่เป็นคำสอนของพระพุทธองค์ที่สอนให้คนเราอย่ายึดติดในสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนไม่ยอมปล่อยวาง ถ้าหากเราไม่ปล่อยวางเสียบ้างมันก็กลายเป็น “ความทุกข์” แต่ถ้าเราเข้าใจและทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นบ้างก็จะทำให้เราเกิดสติปัญญารู้เท่าทันเหตุการณ์แล้วเราจะมี “ความสุข” 
                การจากไปโดยการปลดเกษียณอายุของข้าราชการรุ่นพี่ ๆ คงเป็นอุทาหรณ์สอนใจว่าคนก่อนเขาดำเนินชีวิต ปฏิบัติหน้าที่มาอย่างไร? เขารับผิดชอบหน้าที่การงานอย่างไร? จึงกลายมาเป็นที่รักของข้าราชการรุ่นน้อง ๆ เป็นที่นิยมชมชอบของผู้ร่วมงาน ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาแล้วเอาส่วนดี ๆ นั้น มายึดถือเป็นแนวปฏิบัติให้กับตนเองและผู้เกี่ยวข้องจะได้เป็นที่นิยมชมชอบให้กับรุ่นน้อง ๆ ต่อไป
                ระยะหลังจะเห็นว่ามีข้าราชการจำนวนไม่น้อยขอปลดเกษียณตนเองในวันที่ยังไม่ถึงกำหนดหรือขอลาออกจากการเป็นข้าราชการก่อนถึงวัย 60 ปีนั้น ก็อาจเป็นเหตุผลของแต่ละคนไป การเป็นข้าราชการจึงเปรียบเสมือนทำหน้าที่แทนในหลวงของเราในงานราชการบางอย่าง เป็นการสนองพระราชอำนาจที่พระองค์ทรงมอบหมายให้แต่ละหน่วยงานในด้านงานบริหารราชการแผ่นดิน ต้องยอมรับว่าข้าราชการไม่น้อยที่ตั้งใจทำงานแต่ก็ประสบกับปัญหาของอิทธิพลที่เข้ามาครอบงำข้าราชการบางส่วน บางหน่วยงานจนไม่สามารถขยายงานและให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างเต็มที่รวมถึงผลประโยชน์ในการรับเหมาก่อสร้างบ้าง ในการประมูลสินค้าบ้าง เพราะอำนาจของเงินตราไม่เข้าใครออกใคร ถ้าผลประโยชน์มาปิดบังความถูกต้องแล้ว ข้าราชการผู้ใดไม่ยึดถือความซื่อสัตย์สุจริตแล้วโอกาสที่จะเป็นข้าราชการผู้โกงบ้านโกงเมืองก็เกิดขึ้นในสถานการณ์นั้น ๆ ได้ทันที ดังนั้น ข้าราชการที่เด็ดเดี่ยวทำงานเพื่อสนองพระราชอำนาจ สนองคุณของแผ่นดินจึงควรยกย่องให้เป็นตัวอย่างที่ดีและเกียรติภูมิของความเป็นข้าราชการอย่างเต็มที่
                ความสุขอันเกิดขึ้นจากการรับราชการก็มาถึงที่สุดแล้วในวันนี้ ต่อไปในวันพรุ่งนี้ก็เป็นวันที่เราจะต้องหลุดออกจากหน่วยงานที่ทำอยู่ประจำ เป็นวันที่เราจะต้องกลับไปใช้ชีวิตในครอบครัวกับลูกหลาน มีเวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ ไม่ต้องรีบออกจากบ้านแต่เช้าตรู่เพื่อรีบไปทำงานให้ทันกับเวลาที่มีอยู่หรือหน้าที่การงานที่รออยู่ บัดนี้เป็นช่วงอิสระสำหรับชีวิตของเรา เป็นช่วงที่เราจะได้พักผ่อนอยู่กับลูกกับหลาน ไม่ต้องดิ้นรนต่อไปแล้ว แต่ก็อดเป็นห่วงผู้ที่สูงอายุหรือผู้ที่ปลดเกษียณไปแล้วไม่ได้ เพราะถ้าหากเราไม่เข้าใจมัวแต่ยึดแน่นอยู่กับการงานในอดีต กับลูกน้อง กับบริวาร กับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาในอดีตแล้วก็จะทำให้เรามีความทุกข์
                เพราะในอดีตนั้นเราเคยมีอำนาจสั่งการมีบทบาทในการนำทาง สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรหลาย ๆ อย่างได้ในที่ทำงาน แต่มาบัดนี้อำนาจเหล่านั้นได้หมดสิ้นไปแล้ว จึงกลายเป็นเรื่องที่เราจะต้องทำใจปล่อยวางกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีตในที่ทำงาน อำนาจเหล่านั้นได้จบสิ้นในสำนักงานในห้องทำงานแล้ว บัดนี้เรามาอยู่ในสังคมผู้สูงอายุ สังคมของผู้ที่เคยรับใช้ชาติ รับใช้แผ่นดิน มีเพียงอย่างเดียวว่านับตั้งแต่รับราชการมาได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมืองมาแล้วอย่างไรเท่านั้น แล้วก็อาศัยบุญกุศลหรือคุณงามความดีที่เคยทำมานี้เป็นเครื่องประเทืองใจให้เกิดความภาคภูมิใจในชีวิต
                ปลดเกษียณแล้วจะทำอะไรดีถือว่าเป็นทิศทางหนึ่งที่จะต้องคิดและหาทางออก บางคนก็อยู่บ้านทำกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้จิตใจสบาย ปลูกต้นไม้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงดูแลลูกหลาน บางคนก็ไปเป็นที่ปรึกษาของหน่วยงานที่ตนเองถนัดในเรื่องนั้น ๆ บางคนก็หักเหชีวิตไปช่วยกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่สังคม บางคนก็หันหน้าเข้าวัด
                เหล่านี้เป็นทางเลือกที่แต่ละคนต้องการและเห็นว่าสมควรแก่ตนเอง แต่จะเป็นทางเลือกชนิดใดก็แล้วแต่ขออย่าให้เป็นเรื่องที่จะต้องทุ่มเทให้กับสิ่งนั้น ๆ อย่างเต็มที่ ขอให้เป็นเพียงว่าอาสาสมัครเพราะเราก็มีอายุมากพอแล้ว ควรทำไปเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องเร่งรีบอะไรมากนัก ปล่อยวางกับความถูกหรือผิด ได้หรือเสีย ปล่อยวางกับความเป็นตัวกูของกู แล้วชีวิตที่หลังปลดเกษียณก็จะมีความสุข จึงอยากให้วันปลดเกษียณเป็นวันเปลี่ยนแปลงชีวิตและหน้าที่การงานอีกครั้งหนึ่งของผู้อาวุโสและให้ผู้ที่เข้าสู่สถานการณ์เช่นนั้นได้อย่างรู้เท่าทัน ยอมรับ เข้าใจในภาพที่เกิดขึ้น แล้วไม่ยึดติดแน่นจึงจะเกิดความสุขที่แท้จริง หลังจากนี้ไปเราก็หันมาหางานอดิเรกสบาย ๆ อย่าไปจริงจังกับอะไรในชีวิตมากมายนัก ขอให้ภาคภูมิใจเถิดว่าตลอดเวลาของการเป็นข้าราชการนี้เราได้ช่วยเหลือสังคมและชาติบ้านเมืองมาเต็มที่แล้ว ความดีหรือตัวอย่างที่ดีที่เราเคยได้ทำไว้ผู้คนอนุชนรุ่นหลังคงนำไปเป็นแบบอย่างที่ดีนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองต่อไป
                วันปลดเกษียณจึงเปรียบเสมือนวันที่ให้โอกาสแก่เราได้พักผ่อนทั้งสมอง ร่างกาย จิตใจไปในตัว เมื่อมีโอกาสได้พักผ่อนแล้วขอให้พักอย่างเต็มที่และมีความสุขกับการได้ ’พักผ่อน“ ก็แล้วกันนี่คือธรรมะ...เมื่อถึงวันฉันปลดเกษียณ...

                พระมหาสมัย จินฺตโฆสโก ที่มา เดลินิวส์ วันศุกร์ ที่ 07 ตุลาคม 2554